เอธิโอเปีย 12 วัน
ทัวร์
แอฟริกา
ระยะเวลา
12 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
7-13 ธันวาคม
Hilight


ETHIOPIA 12 DAYS

ኢትዮጵያ 13 የፀሐያት አገር ናት

แอดดิส อะบาบา - อาร์บามิช - จินคา – คอนโซ -
ชนเผ่าลุ่มแม่น้ำโอโม - เผ่าเมอซี หรือ มูร์ซี - เผ่าฮามาร์ -
เผ่าดาแซนเนซ - เผ่าบานา - บาฮีดาร์ - กอนดาร์ - ลาลิเบล่า - อักซุม

เมื่อพูดกล่าวถึง เอธิโอเปียชื่อนี้คงทำให้ใครหลายคนนึกถึงสภาพความยากจนยากแค้นของผู้คนในดินแดนแห่งนี้ขึ้นมาในความคิดทันที ประกอบกับความรู้เก่าก่อนที่เคยมีมาว่าประเทศนี้เป็นประเทศยากจนที่สุดในโลก  หากแต่ในวันนี้ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นทั้งหมดไม่ อบิสสิเนีย หรือ เอธิโอเปีย ในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในชาติที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สุดในทวีปแอฟริกาในฐานะชาติอิสระ ทั้งเป็นเพียงประเทศเดียวที่สามารถรักษาเอกราชของตนเองในช่วงยุคล่าอาณานิคมในแอฟริกา และเป็นดินแดนที่ได้รับอิทธิพลและอารยธรรมจากอียิปต์และกรีกมาตั้งแต่โบราณ 
แหล่งต้นกำเนิดแม่น้ำไนล์ที่ไหลผ่านสู่อียิปต์ยาวกว่า 6,400 กิโลเมตรก็เริ่มต้นที่นี่ อบิสสิเนีย… COUNTRY OF ZERO CORRUPTION

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    1) วันที่ 1 สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
    • 21.30 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 10 เคาน์เตอร์ U โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES โดยท่านทำการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารด้วยตนเอง
  • Day 2
    2) วันที่ 2 กรุงเทพ - แอดดิส อะบาบา - อาร์บามิช (B/L/D)
    • 00.30 น.    เหินฟ้าสู่เมือง แอดดิส อะบาบา โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES เที่ยวบินที่ ET609 (0030-0500) 
      ( ใช้เวลาบิน 8 ชั่วโมง 30 นาที )
      05.00 น.  เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติแอดดิส อะบาบา โบล หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงของเอธิโอเปียเพียง 6 กิโลเมตรจากสนามบิน เพื่อไปรับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      08.00 น. เริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวในเมือง แอดดิส อะบาบา เมืองหลวงของประเทศเอธิโอเปีย เมืองนี้อยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดีเป็นจุดยุทธศาสตร์ชัยภูมิที่มั่นเหมาะ เพราะตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของประเทศ เมืองหลวงแห่งนี้ตั้งอยู่บนเชิงเขาเอ็นโตโต้อยู่ในระดับความสูง 2,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมืองแห่งนี้ถูกเลือกทำเลที่ตั้งโดยจักรพรรดินีเตย์ตูและถูกสร้างโดยจักรพรรดิ์เมเนลิคที่ 2 พระสวามีของจักรวรรดินี เมื่อปีค.ศ. 1886 เนื่องจากพื้นที่เหมาะแก่การเป็นฐานทัพที่มั่นทางการทหาร 
      นำท่านชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ( Ethiopia National Museum ) จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ เป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณคดีที่มีค่ามากๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูซี่ ( Lucy ) โครงกระดูกของบรรพบุรุษยุคแรกของมนุษย์ที่มีอายุกว่า 3.5 ล้านปี ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ถูกค้นพบเมื่อปีค.ศ. 1974 ในประเทศเอธิโอเปีย
      ส่วนโครงกระดูกและกะโหลกศีรษะที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์นี้เป็นของจำลองเสมือนจริง  
      ส่วนลูซี่ของจริงยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเพื่อความปลอดภัยเนื่องจากโครงกระดูกเปราะบางมาก 
      เมื่อสมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่สนามบินภายในประเทศ 
      12.10 น. เหินฟ้าสู่เมือง อาร์บามิช โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES เที่ยวบินที่ ET135 (1210-1315) 
      ( ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 5 นาที )
      เมืองอาร์บามิช ชื่อเดิมคือ กันตา กาโร (Ganta Garo) 
      ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเอธิโอเปีย ห่างจากเมืองแอดดิส อะบาบาราว 500 กิโลเมตร  
      13.15 น. เดินทางถึงเมืองอาร์บามิช ชื่อเมืองแปลว่า เมืองแห่งน้ำพุ 40 แห่ง ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของ Great Rift Valley ณ ระดับความสูง 1,285 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีอุทยานแห่งชาติ และทะเลสาบมากมาย เป็นแหล่งรวมการเพาะปลูกผลไม้หลายชนิด อาทิ มะม่วง กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล ฝรั่ง และสับปะรด นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งทำฟาร์มปลาอีกด้วย 
      14.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      นำคณะ ล่องเรือบนทะเลสาบ Chamo Lake เป็นทะเลสาบที่มีขนาดกว้าง 13 กิโลเมตร ยาว 32 กิโลเมตร และลึก 14 เมตร เป็นพื้นที่เก็บกักน้ำได้ถึง 18,757 ตารางกิโลเมตร มีสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนี้ อาทิเช่นปลากะพงน้ำจืด ปลาดุก ฮิปโปโปเตมัส และจระเข้แม่น้ำไนล์ เป็นต้น 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
      พักผ่อนที่โรงแรม Paradise Lodge หรือเทียบเท่า

  • Day 3
    3) วันที่ 3 อาร์บามิช (Arba Minch) - คอนโซ (Konso) - จินคา (Jinka) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      เดินทางไปยังเมืองจินคา (Jinka) ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเอธิโอเปีย ตั้งอยู่ทางตะวันตกของอาร์บามิชห่างไปประมาณ 365 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแถบโอโมและถูกขนามนามว่าเป็น “ปารีสแห่งแดนใต้”  ที่นี่มีกลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมือง 16 ชนเผ่า รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์อื่นที่อาศัยอยู่ในเอธิโอเปีย เมืองนี้ตั้งอยู่ในบริเวณเนินเขาของที่ราบสูงทาม่า ณ ระดับความสูง 1,490 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมืองจินคาถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวในการมาเยือนประเทศเอธิโอเปีย 
      ระหว่างทางแวะชมหมู่บ้านคอนโซ (Konso Village) ที่ตั้งบ้านเรือนที่ค่อนข้างแห้งแล้ง บ้านทรงสุ่มทำจากหญ้า รูปร่างเหมือนเห็ด ชาวเผ่าคอนโซมีการเกษตรแบบขั้นบันได กำแพงเมืองสร้างด้วยหิน แวะทักทายเยี่ยมหัวหน้าเผ่าคอนโซและชมงานศิลปหัตถกรรมการแกะสลักเสา Totem จากไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถิ่นพำนักอยู่อาศัยของชุมชนคอนโซได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 2011  
      กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (ระหว่างทาง)
      เดินทางต่อไปยังเมืองจินคาผ่าน Weyto Valley จนกระทั่งเดินทางถึง 
      เมืองจินคา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญสำหรับการเยี่ยมชมวิถีชีวิตแบบพื้นเมืองของชาวเผ่าเมอซีและชาวเผ่าอารี  ที่นี่จะมีตลาดนัดวันเสาร์แบบท้องถิ่นที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้บรรดาชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆที่อยู่ในบริเวณนั้นออกมาจับจ่ายใช้สอยจนถือเป็นสีสันแห่งการท่องเที่ยว  และที่โดดเด่นไม่แพ้กัน คือ พิพิธภัณฑ์ชนเผ่าโอโม (Museum of the South Omo Research Center)  เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กทางด้านมานุษยวิทยาที่จัดแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของเผ่าพันธุ์ต่างๆในแถบหุบเขาโอโม

      ของเอธิโอเปีย ซึ่งวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละชนเผ่าสะท้อนดูได้จาก 
      สิ่งประดับตกแต่งร่างกาย ข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน อุปกรณ์เครื่องดนตรี 
      และเครื่องบวงสรวงพิธีกรรม เป็นต้น ซึ่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตของแต่ละชนเผ่าได้ดีมากขึ้น 
      เมื่อได้เวลาพอสมควร เดินทางสู่โรงแรมที่พัก
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
      พักผ่อนที่โรงแรม Eco-Omo Safari Lodge หรือเทียบเท่า

  • Day 4
    4) วันที่ 4 จินคา - เผ่าเมอซี (Mursi) - เผ่าฮามาร์ (Hamar) - เทอมี (Turmi) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      เดินทางต่อลงไปยังบริเวณอุทยานแห่งชาติมาโก (Mago National Park) นำท่านเยี่ยม ชุมชนเผ่าเมอซี ที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำโอโม (Omo River) ผู้หญิงเผ่าเมอซีจะใช้แผ่นไม้ หรือ แผ่นดินเผากลมๆใส่ไว้ที่บริเวณริมฝีปากล่าง โดยจะใส่เมื่ออายุได้ 15-16 ปี สำหรับหญิงสาวที่ไม่ได้แต่งงานจะขยายขนาดของแผ่นจานให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง ชนเผ่าเมอซีเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่โดดเดี่ยวมากที่สุดและอยู่ใกล้ชายแดนประเทศซูดาน มีความเชื่อเรื่องธรรมชาติ พ่อมด มีพิธีกรรมที่ทำเพื่อการปกป้องชีวิตผู้ชาย สัตว์ป่า โรคร้าย และจากการโจมตีจากชนเผ่าอื่นๆ 
      รัฐบาลเอธิโอเปียจึงจัดให้กลุ่มชาติพันธุ์ Mursi และ Suri ภายใต้ชื่อกลุ่ม Surma 

      จากนั้นนำท่านไปยัง หมู่บ้านของเผ่าฮามาร์ (Hamar) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่ดีที่สุดในการเรียนรู้และพบปะกับชาวเผ่าฮามาร์ ซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบริเวณหุบเขาโอโม มีประชากรราว 47,000 คน และมีอาชีพเลี้ยงสัตว์ ผู้หญิงในเผ่านี้จะตกแต่งกายด้วยเครื่องประดับที่ทำจากทองกรและจินดามณีต่างๆหลากสีและรอยแผลเป็น หากผู้หญิงคนไหนสวมปลอกคอหรือสร้อยคอชิ้นใหญ่ๆแสดงว่าแต่งงานมีสามีแล้วนั่นเอง
      กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      นำท่านเที่ยวชมตลาดท้องถิ่นที่มีการค้าขายพืชผัก สิ่งของประดิษฐ์ต่างๆ และงานแกะสลักไม้ครั้นได้เวลาพอสมควร เดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านเทอมี (Turmi Village) เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีชนเผ่าฮามาร์อาศัยอยู่โดยรอบพื้นที่แถบนี้ ชนชาวเผ่าฮามาร์จัดเป็นพวกชอบเข้าสังคมและให้การต้อนรับผู้มาเยือนอย่างดี อันเป็นคุณลักษณะที่ดีในการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน 
      ถือเป็นหนึ่งไฮไลท์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ตัดสินใจหยุดแวะพัก
      และท่องเที่ยวกันในแถบนี้  **หากโชคดีมีโอกาส ท่านอาจจะได้ชมวัฒนธรรมที่สำคัญของชนเผ่านี้ 
      ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่รู้จักกันดี คือ การกระโดดข้ามวัว (BULL JUMPING) เป็นวัฒนธรรมแสดงออกให้เห็นถึงการเจริญเติบโตก้าวข้ามวัยเด็กผู้ชายก่อนกลายเป็นผู้ใหญ่ โดยพิธีกรรมเริ่มด้วยการเต้นรำของพวกผู้หญิงที่แต่งกายสวยงามตามประเพณี และมีการเชิญเด็กผู้ชายให้มาร่วมงานกระโดดข้ามวัว**  
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
      พักผ่อนที่โรงแรม Buska Lodge หรือเทียบเท่า
  • Day 5
    5) วันที่ 5 เทอมี - เผ่าดาแซนเนซ - เผ่าบานา - คอนโซ (B/L/D)

    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      นำท่านเดินทางไปเยือน หมู่บ้านของชนเผ่าดาแซนเนซ (Daasanech Tribe) เป็นชนเผ่าที่มีความเก่าแก่ที่สุดเผ่าหนึ่งของแอฟริกา และชนเผ่านี้ยังเป็นต้นกำเนิดของชนเผ่าในเคนย่าและซูดานที่สร้างทีอยู่อาศัยอยู่ตามริมหุบเขาของแม่น้ำโอโม และมีการวาดสีตามร่างกาย มีจำนวนประชากรราว 48,000 คน หุบเขาของแม่น้ำโอโมนี้ เรียกว่าเป็นแนวหน้าสุดท้ายของชาวแอฟริกัน (African’s Last Frontier) แม่น้ำโอโมนี้มีความยาวประมาณ 400 ไมล์ และไหลจากทางเหนือลงมาทางใต้ยังทะเลสาบเทอร์กาน่า และมีชนเผ่าใหญ่ๆ อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ถึง 9 ชนเผ่า มีจำนวนประชากรอาศัยอยู่โดยประมาณ 225,000 คน ได้อาศัยแม่น้ำในการดำรงชีวิตและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย
      กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      นำท่านเดินทางไปชม หมู่บ้านของชนเผ่าบาน่า (Bana Tribe) ที่อยู่ในเมืองอัลดูบา (Alduba) ที่อยู่ในบริเวณที่ราบสูงทางตะวันออกของแม่น้ำโอโม เป็นชนเผ่าพื้นเมืองอีกหนึ่งกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวดั่งเช่นชนเผ่าอื่นๆ โดยชนเผ่าบาน่ามักจะะฝึกฝนการร่ายรำและร้องรำบวงสรวงตามพิธีกรรม สำหรับช่วงพิธีการสำคัญ พวกเขานิยมวาดแต้มสีด้วยดินปูนสีขาวผสมกับหินสีเหลือง แร่เหล็กสีแดง และผงถ่านสีดำใช้เพื่อตกแต่งร่างกาย พิธีการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับชีวิตลูกผู้ชาย เรียกว่า ดิมิ (Dimi) เป็นการเฉลิมฉลองเกี่ยวกับการเติบใหญ่เจริญพันธุ์ของบุตรสาวที่พร้อมสำหรับการแต่งงาน เผ่านี้มีประชากรราว 23,700 คน ดำรงชีพด้วยการเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนใหญ่
      สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางไปยังหมู่บ้านคอนโซ (Konso Tribe) ซึ่งเป็นชนเผ่าที่เก่าแก่ในบริเวณนี้ที่สามารถสังเกตได้จากการที่กระดูกแก้มและคางที่ใหญ่ สีผิวจะออกเป็นสีน้ำตาลอมแดงค่อนข้างไปทางดำ 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
      พักผ่อนที่โรงแรม Kanta Lodge, Konso  หรือเทียบเท่า
  • Day 6
    6) วันที่ 6 คอนโซ - อาร์บามิช - แอดดิส อะบาบา (Addis Ababa) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      เดินทางกลับสู่ อาร์บามิช  ( ระยะทางจากคอนโซถึงอาร์บามิช ราว 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง) เตรียมตัวไปยังสนามบินเพื่อเช็คอินสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      13.45 น. เหินฟ้าสู่เมือง แอดดิส อะบาบา โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES 
      เที่ยวบินที่ ET134 (1345-1450) ( ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 5 นาที )
      14.50 น. เดินทางถึงเมืองแอดดิส อะบาบา 
      นำท่านขึ้นไปยังจุดชมวิวของเมืองแอดดิส อะบาบา ณ เนินเขาเอ็นโตโต้ เพื่อชมวิวทิวทัศน์พาโนรามาไม่มีสิ่งใดมาบดบังความสวยงามอลังการของเมืองหลวงแห่งนี้  จากนั้นนำท่านไปชม พิพิธภัณฑ์ของโบสถ์เซ็นต์แมรี่ ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมแต่ทรงคุณค่า เพราะมีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจเกี่ยวกับการริเริ่มสร้างโบสถ์และความศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่มารีที่โบสถ์แห่งนี้ โดยเฉพาะบรรดานักวิ่งชาวเอธิโอเปียที่มีศรัทธาได้เดินทางมาเพื่อกล่าวขอพรจนถึงขนาดนำเหรียญรางวัลชัยชนะมาถวายแด่พระแม่มารีเมื่อสำเร็จ
      ค่ำ        รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
             พักผ่อนที่โรงแรม Elilly International Hotel หรือเทียบเท่า

  • Day 7
    7) วันที่ 7 แอดดิส อะบาบา (Addis Ababa) - บาฮีดาร์ (Bahir Dar) (B/L/D)
    • เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้าแบบ Hotel Breakfast Box ของโรงแรม จากนั้นเดินทางไปสนามบินทันที
      07.10 น.       ออกเดินทางสู่เมือง บาฮีดาร์ โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES เที่ยวบินที่ ET126 (0710-0815) 
      ( ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 5 นาที ) 
      08.15 น.  เดินทางถึงสนามบินบาฮีดาร์ หลังรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เริ่มต้นเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงาม ณ บัดนี้
      เมืองบาฮีดาร์  เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของเอธิโอเปีย รองมาจากแอดดิส อะบาบา และดิเร ดาวา ตามลำดับ อีกทั้งเป็นเมืองที่ได้รับรางวัลจาก UNESCO - City for Peace Prize เมื่อปีค.ศ. 2002 เนื่องจากเป็นเมืองที่มีการจัดการที่ดีมีความสำเร็จในการเสริมสร้างความเข้มแข็งในสังคมเมือง และเป็นเมืองที่น่าอยู่ปลอดภัยปราศจากอาชญากรรมรุนแรง เมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
      นำชม Monument of the Martyrs อนุสาวรีย์รำลึกผู้พลีชีพ เป็นสัญลักษณ์แห่งหนึ่งของเมืองนี้ และถือเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ Red Terror Matyrs Memorial ที่ตั้งอยู่ในแอดดิส อะบาบา  อนุสาวรีย์นี้ตั้งตรงตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำบลูไนล์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหล่านักต่อสู้ผู้กล้าหาญที่ยอมพลีชีพตนเองในการปลดเปลื้องประชาชนจากระบบการปกครองเผด็จการคอมมิวนิสต์ทางทหาร ในช่วงปีค.ศ.1974-1991 
      กลางวัน        รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย นำท่านล่องเรือชม ทะเลสาบทานา ( Lake Tana ) เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเอธิโอเปียด้วยพื้นที่โดยรวม 5,544 ตารางกิโลเมตร ในระดับความสูง 1,840 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล 
      ทะเลสาบนี้เป็นต้นกำเนิดของ แม่น้ำบูลไนล์ซึ่งไหลไปรวมกับ แม่น้ำไวท์ไนล์ที่ประเทศซูดาน จนกลายมาเป็นแม่น้ำไนล์ 
      ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในโลกด้วยความยาวกว่า 6,650 กิโลเมตร ทะเลสาบทานามีเกาะอยู่จำนวน 37 เกาะ อ้างอิงตามข้อมูลของนักภูมิศาสตร์สมัยใหม่ 
      ซึ่งเขาเชื่อว่า มีโบสถ์อยู่ประมาณ 19 แห่งในจำนวนเกาะทั้งหมด โบสถ์ในแต่ละเกาะนั้นเป็นสถานที่เก็บขุมทรัพย์สมบัติของมีค่าและพระศพของกษัตริย์เอธิโอเปียในสมัยโบราณแต่ละพระองค์ ในทะเลสาบแห่งนี้ท่านจะได้เห็นชาวประมงท้องถิ่นยังคงใช้เรือคานูที่ทำจากปาปิรุสในการหาปลา จากนั้นนำท่านเยี่ยมชมโบสถ์เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะภาพวาดสีน้ำบนฝาผนัง ได้แก่ โบสถ์ Kebran Gabriel และ โบสถ์ Ura Kidane Mehret 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
      พักผ่อนที่โรงแรม Avanti Blue Nile Resort หรือเทียบเท่า
  • Day 8
    8) วันที่ 8 บาฮีดาร์ (Bahir Dar) - กอนดาร์ (Gondar) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      อำลาเมืองบาฮีดาร์  ออกเดินทางสู่ กอนดาร์ (Gondar) มีระยะทางราว 180 กิโลเมตร ใช้เดินทางราว 2-3 ชั่วโมง ระหว่างทาง แวะพักถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ธรรมชาติบริเวณสองข้างทางและเปลี่ยนอิริยาบถตามอัธยาศัย เมื่อเดินทางถึงเมืองกอนดาร์ 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น  
      บ่าย นำท่านชม ปราสาทพระราชวังเก่า ( The Royal Enclosure ) อันได้แก่ Fasilides Castle, Iyasu’s Palace, Dawit’s Hall, Stables, Mentewab’s Castle, Chancellery 
      เมืองกอนดาร์ เป็นเมืองหลวงเก่าของเอธิโอเปียมากว่า 200 ปี  ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ์ Fasilides ในราวปีค.ศ.1635 และเจริญก้าวหน้ามากขึ้นกลายเป็นเมืองแห่งตลาดกสิกรรมในสมัยนั้น เมืองนี้ยังได้สมญานามว่าเป็น เมืองแห่งโบสถ์ เนื่องจากมีโบสถ์จับกลุ่มอย่างหนาแน่นทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กเป็นจำนวนมากถึง 44 แห่ง
      นำท่านชม สระอาบน้ำของจักรพรรดิ์ Fasilides ( The pool of Fasilides )  ปัจจุบันถือว่าเป็นสถานที่สำคัญในการทำพิธีกรรมทางศาสนาของเอธิโอเปียที่เรียกว่า Timkat เป็นเทศกาลฉลองการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ที่จัดขึ้นปีละหนึ่งครั้งช่วงเดือนมกราคมของทุกปีตามปฏิทินจันทรคติ
      นำท่านชมโบสถ์ Debre Birhan Selassie โบสถ์ที่งดงามที่สุดในบรรดาโบสถ์ทั้ง 44 แห่ง กล่าวกันว่าโบสถ์แห่งนี้สร้างโดยองค์จักรพรรดิ์แต่ปกป้องดูแลโดยประมุขทูตสวรรค์ ที่นี่คือต้นแบบของคริสต์ศาสนศิลป์แห่งโบสถ์ของเอธิโอเปีย โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ์ Eyasu II ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ต่อมาในปี 1888 ทหารชาวอิสลามจากซูดานได้ปล้นสะดมเมืองกอนดาร์และเผาทำลายโบสถ์ทุกหลังในเมืองนี้ 
      ยกเว้น โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เหตุเพราะว่าขณะที่ทหารซูดานเดินมาถึง
      หน้าโบสถ์ก็ปรากฏว่ามีฝูงผึ้งจำนวนมากบินลงมาบริเวณโดยรอบโบสถ์
      แล้วบินขับไล่พวกทหารเหล่านั้นให้ออกไปพร้อมกับมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนถือดาบเปลวไฟก่อนบริเวณประตูไม้ใหญ่ ภายในโบสถ์แห่งนี้มีจิตรกรรมฝาผนังงดงามที่วาดให้เห็นถึงเรื่องราวเหตุการณ์ในคัมภีร์ไบเบิ้ลและบรรดานักบุญต่างๆ  ส่วนจิตรกรรมฝ้าเพดานก็เต็มไปด้วยภาพใบหน้าของเหล่าเทพเทวดากว่าร้อยองค์ที่สวยงามเจิดจรัสเกินกว่าบรรยาย รวมถึงภาพของพระผู้เป็นเจ้าในตรีเอกภาพและภาพพระเยซูคริสต์ถูกตรึงบนกางเขนเหนือประตูทางเข้าก็งดงามน่าศรัทธาเฉกเช่นเดียวกัน  
      เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
      พักผ่อนที่โรงแรม Land Mark Hotel หรือเทียบเท่า
  • Day 9
    9) วันที่ 9 กอนดาร์ (Gondar) - ลาลิเบล่า (Lalibela) (B/L/D)

    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม ( หรือ Hotel Breakfast Box ) จากนั้นเดินทางไปสนามบิน
      09.50 น.        ออกเดินทางสู่เมือง ลาลิเบล่า โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES เที่ยวบินที่ ET122 (0950-1020)
      ( ใช้เวลาบิน 30 นาที )  
      10.20 น. เดินทางถึงเมืองลาลิเบล่า ซึ่งตั้งอยู่ในระดับความสูง 2,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า โรฮา Roha ในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับโบสถ์หินเอกอุขนาดใหญ่ อีกทั้งเมืองนี้มีศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนามากที่สุดเป็นอันดับสองของเอธิโอเปียรองลงมาจากเมืองอักซุมเท่านั้น และถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางในการจาริกแสวงบุญของชาวคริสต์ในเอธิโอเปีย
      นำท่านชม เหล่าโบสถ์หินโบราณกลุ่มแรก ( The First group of Rock-Hewn Churches )  ซึ่งประกอบไปด้วยโบสถ์ต่างๆ 6 หลัง ดังนี้
      Bet Medhane Alem  เป็นโบสถ์หินเอกอุที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่เก็บไม้กางเขนที่เก่าแก่เอาไว้ภายในโบสถ์  
      Bet Maryam  เป็นโบสถ์หินที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดากลุ่มโบสถ์หินโบราณแห่งลาลิเบล่า
      Bet Golgotha  เป็นโบสถ์หินที่โดดเด่นในด้านศิลปะการแกะสลักและภาพเขียนภายในโบสถ์ อีกทั้งเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์ลาลิเบล่า
      Bet Mika’el และ  Bet Meskel และ Bet Ghel โบสถ์หินทั้งสามหลังนี้อยู่ในบริเวณเดียวกันทางด้านทิศเหนือของแม่น้ำจอร์แดน
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย นำท่านชม เหล่าโบสถ์หินโบราณกลุ่มสอง ( The Second group of Rock-Hewn Churches )  ซึ่งประกอบไปด้วยโบสถ์ต่างๆ 5 หลัง ดังนี้
      Bet Giyorgis  เป็นโบสถ์หินที่ได้รับการปกป้องดูแลรักษาสภาพคงเดิมของโบสถ์ที่ดีที่สุด ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
      Bet Amanuel  เป็นโบสถ์หินที่ถือว่าเป็นวิหารหลวงแห่งลาลิเบล่า
      Bet Merkorios เป็นโบสถ์หินที่ถือว่าเป็นคุกหลวงแห่งลาลิเบล่า 
      Bet Abba Libanos และ Bet Gabriel-Rufael  เป็นโบสถ์หินที่ถือว่าเป็นพระราชวังหลวงแห่งลาลิเบล่า
      เหล่าโบสถ์หินโบราณทั้งหมดมีอุโมงค์ใต้ดินเชื่อมต่อถึงกัน และโบสถ์ทุกหลังมีการเจาะหินแกะสลักอย่างงดงามตามแบบศิลปะของชาวคริสต์เอธิโอเปีย อีกทั้งยังได้รับคัดเลือกให้เป็น World Heritage Site จาก Unesco ด้วย
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
      พักผ่อนที่โรงแรม Maribela Hotel หรือเทียบเท่า
  • Day 10
    10) วันที่ 10 ลาลิเบล่า (Lalibela) - อักซุม (Axum) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม จากนั้นเดินทางไปสนามบิน
      10.40 น. ออกเดินทางสู่เมือง อักซุม โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES เที่ยวบินที่ ET122 (1040-1120) ( ใช้เวลาบิน 40 นาที )
      11.20 น.  เดินทางถึงสนามบินอักซุม หลังจากรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านออกค้นหาร่องรอยแหล่งอารยธรรมโบราณของอาณาจักรอักซุมที่เก่าแก่พอๆกับอาณาจักรนูเบียในบริเวณแม่น้ำไนล์ 
      เมืองอักซุม ในปัจจุบัน คือ อดีตศูนย์กลางของอาณาจักรอักซุมที่เป็นเอกราชของชาวพื้นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา โดยชื่อ อักซุม หมายถึง ความเกรียงไกร ( Power ) อาณาจักรแห่งนี้ติดต่อกับอาณาจักรกรีก โรมัน และดินแดนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนผ่านทางการค้าผลผลิตการเกษตร ทองคำ งาช้าง ฯลฯ และยังได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอียิปต์และกรีก รวมถึงศาสนาคริสต์ที่แผ่ลงมาอีกด้วย
      อักซุม ถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ เปรียบเสมือนเป็นนครเยรูซาเลมที่ 2 เนื่องจากเป็นดินแดนที่เก็บหีบแห่งพันธสัญญา ( The Ark of the Convenant ) ซึ่งบรรจุแผ่นศิลาจารึกพระบัญญัติสิบประการที่พระเจ้าได้ทรงประทานไว้แก่โมเสส อีกประการ อักซุม ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกทางโบราณคดีในปีค.ศ.1980
      นำท่านชม ลานประวัติศาสตร์ศิลาจารึก The Northern Stele Field  ซึ่งเป็นบริเวณที่มีหินศิลาจารึกกว่า 120 แท่งตั้งตระหง่านเรียงรายกระจายอยู่ทั่วลาน หินศิลาจารึกแต่ละแท่งนั้นทำจากหินแกรนิตก้อนใหญ่ก้อนเดียวและหันหน้าไปทางทิศใต้ หินศิลาจารึกที่ใหญ่ที่สุดมีความสูงถึง 108 ฟุต แต่ตกหล่นลงมาแล้วแตกเป็นชิ้นๆวางไว้อยู่ที่พื้นดิน ซึ่งท่านสามารถเห็นรายละเอียดเชิงลึกในการแกะสลักหินได้อย่างชัดเจน ถ้าหินศิลาจารึกแท่งนี้ยังคงตั้งยืนอยู่จวบจนปัจจุบันก็จะได้ชื่อว่าเป็นศิลาจารึกหินที่สูงที่สุดในโลก แต่น่าเสียดายหาเป็นเช่นนั้นไม่ ศิลาจารึกหินที่สูงที่สุดในปัจจุบันคือ ศิลาจารึกหินที่มีความสูง 82 ฟุต จากกรุงโรมที่ถูกปล้นสะดมไปเมื่อปีค.ศ.1937  และถูกส่งคืนกลับมายังเมืองอักซุมเมื่อปีค.ศ. 2005  โดยศิลาจารึกถูกตัดแบ่งเป็น 3 ส่วน ซึ่งลำเลียงโดยเครื่องบินด้วยค่าใช้จ่ายสูงกว่า 8 ล้านยูเอสดอลล่าร์  Stele of King Ezana  เป็นศิลาจารึกหินที่ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าลานประวัติศาสตร์ศิลาจารึกที่ได้ชื่อว่า เป็นศิลาจารึกหินที่สูงที่สุดเป็นอันดับสอง ซึ่งมีรายละเอียดในการแกะสลักหินอย่างงดงามเป็นลวดลายหน้าต่าง-ประตู รวมถึงสัญลักษณ์พระอาทิตย์และพระจันทร์เสี้ยวบนยอดของศิลาจารึก
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย นำท่านชม Tombs of Kaleb and Gabra Meskel  ซึ่งสุสานใต้ดินตั้งอยู่บนยอดเขา Abba Likanos อยู่ห่าง
      จากเมืองอักซุมทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไป 2 กิโลเมตร ชาวเอธิโอเปียเชื่อว่าสุสานแห่งนี้เป็นของกษัตริย์อักซุม 2 พระองค์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6  
      จากนั้นนำชม The 4th Century Christian Inscription of King Ezana แผ่นศิลาจารึกที่มีข้อความจารึกไว้เป็นภาษากรีกและภาษา Ge’ez ซึ่งบรรยายถึงเหตุการณ์ที่กษัตริย์ Ezana ได้ประกาศชัยชนะเหนือการรบต่อสู้กับศัตรูของเขาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4
      นำท่านชม ซากพระราชวังของสมเด็จพระราชินีชีบา Queen of Sheba’s Palace สถานที่อีกแห่งที่น่าสนใจ ก็คือ ที่อาบน้ำของพระราชินีชีบา Queen of Sheba’s Bath ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากหินใหญ่ก้อนเดียว ปัจจุบันสระน้ำนี้ใช้เป็นอ่างเก็บกักน้ำใช้สำหรับอุปโภคบริโภคของชาวบ้าน 
      ปิดท้ายด้วยโบสถ์คริสต์ Tsion Mariam Church หรือ Chruch of Our Lady Mary of Zion เป็นโบสถ์คริสต์ออโธด๊อกซ์มีความสำคัญมากที่สุดในเอธิโอเปีย โบสถ์ดั้งเดิมเชื่อว่าถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยของกษัตริย์ Ezana
      ผู้เป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่นับถือศาสนาคริสต์ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 และโบสถ์หลังนี้ก็ถูกซ่อมแซมอีกหลายครั้งในเวลาต่อมา  ปัจจุบันโบสถ์คริสต์ที่นี่มี 2 หลัง คือ โบสถ์เก่าที่ถูกซ่อมแซมและขยายใหญ่ขึ้นโดยจักรพรรดิ์
      Fasilides ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่เข้าไปได้ ส่วนโบสถ์หลังใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ์ Haile Selassie ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1950 ซึ่งอนุญาตให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงสามารถเข้าไป
        ภายในโบสถ์ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของโบสถ์แห่งนี้ คือ เป็นที่เก็บ หีบแห่งพันธสัญญา  โดยชาวเอธิโอเปียเชื่อว่า กษัตริย์เมเนลิคที่ 1 เป็นพระราชโอรสของกษัตริย์โซโลมอนและพระราชินีชีบา จึงเป็นเหตุให้หีบแห่งพันธสัญญาถูกนำมาเก็บรักษาไว้ที่นี่ ในคัมภีร์ของศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม กษัตริย์โซโลมอนเป็นกษัตริย์ชาวยิว เป็นผู้สร้างวิหารโซโลมอนบนเทมเพิลเมาท์ (Temple Mount) ในกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์เป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศ มั่งคั่งและทรงอำนาจ ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์สุดท้ายก่อนอาณาจักรของชาวยิวจะแตกออกเป็นส่วนๆ  อีกทั้งโบสถ์แห่งนี้ยังคงทำหน้าที่เป็นสถานที่ทำพิธีราชาภิเษกสวมมงกุฎของกษัตริย์เอธิโอเปียมากว่าศตวรรษ
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
      พักผ่อนที่โรงแรม Yared Zema International Hotel หรือเทียบเท่า
  • Day 11
    11) วันที่ 11 อักซุม (Axum) - แอดดิส อะบาบา (Addis Ababa) (B/L/D)
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      หลังอาหารเช้า เชิญท่านเก็บสัมภาระและพักผ่อนตามอิสระ เมื่อได้เวลาพอสมควรเดินทางไปยังสนามบิน
      10.00 น.      ออกเดินทางสู่ แอดดิส อะบาบา โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES เที่ยวบินที่ ET129 (1000-1130) ( ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 30 นาที )
      11.30 น.  เดินทางถึงสนามบินแอดดิส อะบาบา หลังรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว 
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย นำชมโบสถ์ออโธด๊อกซ์ เดอะ โฮลี่ ตรีนิตี้ ( The Holy Trinity Cathedral ) โบสถ์นี้ในภาษาอัมฮาริคมีชื่อว่า  คิดิสท์ เซลลัซซี่ ( Kidist Selassie ) เป็นโบสถ์คริสต์ออโธด๊อกซ์ที่ติดอันดับสูงสุดของแอดดิส อะบาบา ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความเป็นเอกราชของเอธิโอเปียจากการยึดครองของอิตาลี  เป็นโบสถ์สำคัญที่ชาวคริสต์ให้ความเคารพสักการะและมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสองของเอธิโอเปีย โบสถ์นี้ยังคงมีความสำคัญในฐานะที่เป็นสถานที่เก็บพระศพของจักรพรรดิ์ Haile Selassie I และพระจักรพรรดินี Menen Asfaw และเหล่าเชื้อพระราชวงศ์ฝังอยู่ภายในโบสถ์แห่งนี้ ตามต่อด้วยการชม โบสถ์เซ็นต์จอร์จ ( St. George’s Cathedral ) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1896 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการระลึกถึงและการขอบคุณต่อเซ็นต์จอร์จที่นำพาชัยชนะมาสู่ชาวเอธิโอเปียในการต่อสู้กับการรุกรานของอิตาลีเมื่อครั้งสู้รบที่แอดวา โบสถ์แห่งนี้ค่อนข้างเล็กสามารถจุเพียงได้ 200 ที่นั่ง แต่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นสถานที่ทำพิธีราชาภิเษกราชบัลลังก์ของจักรพรรดิ์เซลลัซซี่ และยังเป็นสถานที่ทำงานของจิตรกรเอกชาวเอธิโอเปียที่มีชื่อเสียง Afewerk Tekle ผู้ที่รับผิดชอบทำหน้าต่างกระจกสีของหอประชุมแอฟริกา
      นำชม เมอร์คาโต้ ( Mercato ) ตลาดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา ตลาดการค้าใหญ่ที่มีสีสันชีวิตชีวา เสน่ห์ของตลาดที่นี่ คือ ภายในเมอร์คาโต้จะมีตรอกซอกซอยที่ซับซ้อนวกวนและไม่มีป้ายทางชัดเจน สิ่งเดียวที่จะทำให้รู้ว่าอยู่ที่บริเวณไหนก็คือท่านจะต้องสังเกตจากของที่ขายบริเวณแถบนั้นว่าเป็นผัก เนื้อสัตว์ กาแฟ หรือเครื่องประดับ เป็นต้น ตลาดแห่งนี้ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกอย่างที่ต้องการเพราะมีสินค้าที่หลากหลายตั้งแต่ของราคาถูกยันของราคาแพง
      นำท่านไปแวะซื้อกาแฟที่ขึ้นชื่อแบรนด์ดังของเอธิโอเปียอย่าง TOMOCA COFFEE เพื่อเป็นของฝากให้กับเพื่อนฝูงและคนที่คุณรัก  
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ มื้ออำลา
      หลังอาหารค่ำ เมื่อได้เวลาพอสมควรเดินทางไปยังสนามบิน
      21.00 น.  เดินทางถึงสนามบินแอดดิส อะบาบา นำท่านไปเช็คอินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
  • Day 12
    12) วันที่ 12 แอดดิส อะบาบา (Addis Ababa) – กรุงเทพฯ (Bangkok)
    • 00.05 น. เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน ETHIOPIAN AIRLINES เที่ยวบินที่ ET608 (0005-1315) (ใช้เวลาบิน 9 ชั่วโมง 10 นาที)   (บริการอาหารบนเครื่องบิน )
      13.15 น.  เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

      ---------------------------------

Top